วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

11 ทริปในฝัน สวรรค์ของนักเดินทาง(ตอน1)


11 ทริปในฝัน สวรรค์ของนักเดินทาง
1.สวิตเซอร์แลนด์

ซึ่งมีสมญานามว่า หลังคาแห่งทวีปยุโรป พระเจ้าได้ประทานประเทศนี้เป็นดินแดนอันเงียบสงบโอบล้อมด้วยขุนเขาน้อยใหญ่มีหิมะปกคลุม มีบ้านสไตล์สวิสชาเลต์ที่ปลูกสลับไปกับทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มแซมด้วยดอกไม้ป่าหลากหลายสีสันในฤดูใบไม้ผลิ ทะเลสาบที่น้ำใสราวกับกระจกกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่ทิวทัศน์อันงดงามตระการตา อาคารบ้านเรือนตามเมืองใหญ่หลายๆแห่งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สวิตเซอร์แลนด์จึงกลายเป็นสถานที่ใฝ่ฝันของนักเดินทางจากทุกมุมโลก
2.ล่องเรือสำราญเมดิเตอร์เรเนียน 

เป็นการเดินทางที่ไม่ควรพลาดให้หลับตาแล้วจินตนาการถึงโรงแรมหรูหราระดับห้าดาวลอยน้ำส่งท่านตามเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลของประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน กรีซ และตรุกี เพราะทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีอาณาเขตครอบคลุมถึงสามทวีป ได้แก่ ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา เส้นทางสีน้ำเงินของท้องทะเลแห่งนี้เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทางประวัติศาสตร์ ที่ไม่เคยทำให้นักท่องเที่ยวคนใดผิดหวัง
3.ปักกิ่ง

มีสุ๓ษิตเขียนไว้ว่า ไม่มาปักกิ่งไม่รู้ว่ายศต่ำ เพราะเมืองหลวงแห่งนี้คือศูนย์กลางการบริหารประเทศที่เต็มไปด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำให้ข่าราชการที่มาจากต่างมณฑลพากันรู้สึกว่ายศของตัวเองต่ำต้อย ปักกิ่งเป็นเส้นทางการค้าที่มีอายุกว่า3,000 ปี จึงรวบรวมเอาศาสตร์และศิลป์จากราชวงศ์ต่างๆ ไว้มากที่สุดในประเทศจีน เช่น กำแพงเมืองจีนนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง พระราชวังต้องห้าม ที่ประกอบด้วยห้องต่างๆถึง 9,999  ห้อง จัตุรัสเทียนอันเหมินที่ใหญ่ที่สุดในโลก พระราชวังฤดูร้อนของพระนางซูสีไทเฮา วัดลามะขององค์ชายสี่และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย
4.บาหลี

เกาะแห่งเทพเจ้าที่มีเนื้อที่เพียง 5.600 ตารางกิโลเมตร แต่สามารถดำรงรักษาไว้ซึ่งวิถีชีวิตแบบเทิดถาดเทิดพาน เป็นการนำเครื่องพลีไปสังเวยต่อเทพยดา ตลอดจนความมั่งคั่งของศิลปะตามหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งงามตาด้วยนาฏศิลป์อันชดช้อยที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์และธรรมชาติที่ชื่นฉ่ำอำไพด้วยลำธาร ป่าเขา หาดทราย ทำให้บาหลีอบอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่คุณต้องหลงรัก
5.ซีอาน 

ในประเทศจีนมีคำกล่าวว่า ถ้าอยากเห็นปัจจุบันต้องไปปักกิ่ง ถ้าอยากเห็นอนาคตต้องไปเซี่ยงไฮ้ ถ้าอยากเห็นอดีตต้องไปซีอาน ชื่อเมืองๆนี้มีความหมายว่าความสงบสุขแห่งตะวันตก ซีอานเป็นอดีตเมืองหลวงของ 12 ราชวงศ์ และเป็นอู่อารยะธรรมอันรุ่งเรืองแห่งแม่น้ำฮวงโห รวมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหม ตลอดจนได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวโลกด้วยการขุดค้นพบสุสานทหารจิ๋นซีกว่า 7,000 ชิ้นที่มีใบหน้าไม่เหมือนกันแม้แต่ชิ้นเดียว เมืองที่มีอายุกว่า 5,000  ปีแห่งนี้ยังมีกำแพงเมืองเป็นหนึ่งในปราการป้องกันทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย

(จบตอนหนึ่งแล้วนะ ติดตามใด้ในตอนสอง เร็วๆนี้)

ที่มา : หนังสือ achieve ปีที่ 13 ฉบับที่ 151 มีนาคม 2556 หน้า 18-19 

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สัตว์วิเศษ(?)


จอบเบอร์นอลล์
พบได้ในทางแถบยุโรปเหนือ เป็นนกสีฟ้าตัวเล็กและมีลายจุด มันมักจะกินแมลงตัวเล็กๆเป็นอาหาร และมันจะไม่ส่งเสียงใดๆ เลยจนเมื่อถึงเวลาที่มันใกล้จะตาย เมื่อถึงเวลานั้นมันก็จะกรีดร้องออกมา เป็นทุกเสียงที่มันเองได้ยิน ตั้งแต่ล่าสุดที่มันได้ยินย้อนกลับไปจนถึงเสียงแรกที่ได้ยิน หลังจากนั้นมันก็จะตาย ขนของสัตว์ชนิดนี้ใช้ทำเป็นเครื่องปรุงสัจจะเซรุ่ม และน้ำยาฟื้นความจำ สัตว์ชนิดนี้ไม่มีอันตราย มันถูกจัดอยู่ในประเภท ไม่มีอันตรายเลี้ยงไว้ในครัวเรือนได้

นกฟีนิกซ์


นกฟีนิกซ์เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดเท่าหงส์ ขนหางเป็นสีทองเลื่อมพรายและยาวพอๆกับแพนหางของนกยูง มีเล็บสีทองวาววับ และมีจงอยปากยาวสีทอง เสียงร้องของนกฟีนิกซ์เป็นเสียงเสมือนราวกับไม่ได้มาจากโลกมนุษย์ ฟังดูแปลกประหลาดและชวนเยือกเย็นจนถึงไขสันหลัง เปลวไฟจะลุกโพลงขึ้นในขณะที่มันบิน
"นกฟีนิกซ์จะลุกเป็นไฟเมื่อถึงเวลาตายและจะเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน" ดัมเบิลดอร์
นกฟีนิกซ์สามารถแบกของที่มีน้ำหนักมหาศาลได้ น้ำตาของนกฟีนิกซ์มีอำนาจรักษาเยียวยาได้อย่างเยี่ยมยอด และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์

บาซิลิสก์

ในบรรดาสัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวทั้งหลายที่ท่องเที่ยวอยู่ในดินแดนเรา ไม่มีสัตว์ตัวไหนที่หายากและเป็นอันตรายมากไปกว่า บาซิลิสก์ หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า ราชาแห่งงู งูตัวนี้เกิดมาจากไข่ของแม่ไก่ที่ฟักอยู่ใต้ตัวคางคก อาจโตจนมีขนาดใหญ่ยักษ์ได้และมีชีวิตยืนยาวอยู่ได้หลายร้อยปี วิธีการฆ่าเหยื่อของสัตว์ร้ายนี้แปลกประหลาดน่าพิศวงมาก เพราะนอกจากเขี้ยวที่มีพิษร้ายถึงตายแล้ว บาซิลิสก์ยังมีดวงตาที่มีอานุภาพสังหารได้ ผู้ที่มองสบตามันจะตายในทันที แมงมุมจะหนีเมื่อบาซิลิสก์มา เพราะบาซิลิสก์คือศัตรูตัวฉกาจของเหล่าแมงมุม ส่วนบาซิลิสก์จะหนีจากเสียงขันของไก่โต้ง ที่มีผลทำให้มันถึงตายได้ทันทีบาซิลิสก์ถือกำเนิดจากไข่ไก่ที่ถูกฟูมฟักไว้ใต้ท้องคางคก ผู้ที่ให้กำเนิดมันคนแรกคือ เฮอร์โปผู้ชั่วร้าย พ่อมดชาวกรีก ผู้มีความสามารถในการพูดคุยกับงู ด้วยภาษาพาร์เซล

หมีปั๊กดูดเลือด
หมีบั๊กดูดเลือด เป็นหมีที่เชื่อกันว่าเป็นก็อบลินชั่วร้ายที่แปลงร่างเป็นหมี นอกจากดูดเลือดสัตว์ต่างๆแล้ว บางทีก็จับเด็กชนๆไปกินด้วย


ที่มา http://www.muggle-v.com/forums/index.php/topic/4854-%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C-jobberknoll/

http://www.muggle-v.com/forums/index.php/topic/3882-%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C/

http://writer.dek-d.com/haru_tatsu/story/viewlongc.php?id=351820&chapter=37

http://www.muggle-v.com/forums/index.php/topic/3816-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B9%8C/

http://board.postjung.com/558247.html


http://www.muggle-v.com/forums/index.php/topic/3817-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94/
https://www.google.co.th/search?hl=th&q=%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94&psj=1&biw=1366&bih=643&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.r_qf.&um=1&ie=UTF-8&tbm=isch&source=og&sa=N&tab=wi&ei=V-UgUbOmKcLtrQfBmoCoCQ#imgrc=GY31foEkJO1IOM%3A%3BTMPr2Xnmowp89M%3Bhttp%253A%252F%252Fimg5.uploadhouse.com%252Ffileuploads%252F13324%252F1332486557df1b3c0f90439241412d18551d98d3.jpg%3Bhttp%253A%252F%252Fboard.palungjit.com%252Ff178%252Fwarroom-%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8%2525A1%2525E0%2525B8%2525B1%2525E0%2525B8%252584%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%252595%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525B5%2525E0%2525B8%2525A2%2525E0%2525B8%2525A1%2525E0%2525B8%252581%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%25259D%2525E0%2525B9%252589%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525B0%2525E0%2525B8%2525A7%2525E0%2525B8%2525B1%2525E0%2525B8%252587%2525E0%2525B8%25259B%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525B0%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%252599%2525E0%2525B8%252587%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%252599%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%252595%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525B5%2525E0%2525B8%2525A2%2525E0%2525B8%2525A1%2525E0%2525B8%25259E%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B9%252589%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%2525A1%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%25259E%2525E0%2525B8%2525B7%2525E0%2525B9%252588%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%252587%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525B1%2525E0%2525B8%25259A%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8%252596%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%252599%2525E0%2525B8%252581%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%252593%2525E0%2525B9%25258C%2525E0%2525B8%25259B%2525E0%2525B8%2525B5-2013-a-288866-313.html%3B550%3B350


Take care!


วิธีดูแลเล็บมือ เล็บเท้า

วิธีดูแลเล็บมือ เล็บเท้า


เล็บมือฉีก หรือเล็บมือไม่แข็งแรง สาเหตุเกิดมาจาก ขาดสารอาหารบางประเภท จำพวกวิตามิน
วิธีดูแลเล็บมือ เล็บเท้า
  • ต้องหมั่นรับประทาน ผัก ผลไม้มาก ๆ
  • ควรงดทาเล็บสักพัก รวมทั้งน้ำยาเคลือบเล็บ ทุกประเภทเพื่อให้เล็บได้พักหายใจ
  • ลองแช่เล็บมือลงในน้ำมันมะกอกอุ่น ๆ
  • เวลาที่ซักผ้าหรือล้างจานก็ควรจะใส่ถุงมือ เพื่อป้องกัน สารตกค้างทั้งหลาย มาทำลายเล็บ
  • ควรตัดเล็บมือเป็นประจำ สัปดาห์ละครั้ง ส่วนเล็บเท้า 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง ไม่ควรตัดเล็บจนชิดบริเวณผิวหนังส่วนปลายนิ้วเกินไป
  • นวดนิ้วมือและเท้าด้วยครีมบำรุงหรือน้ำมันบำรุงผิว ประมาณ 3-5 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณมือและเท้า
  • ถ้าหากใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเหล็ก ควรตะไบเล็บไปในทิศทางเดียว ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีก แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซรามิคสามารถตะไบสวนทางกัน
  • เมื่อเกิดเล็บขบไม่ควรนำของแหลมคม ไปแงะบริเวณที่เกิดอาการ หมั่นรักษาความสะอาด อาจใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ เช็ดรอบๆ และอาจใช้สำลีสะอาดชิ้นเล็กๆ ไปดันไว้ระหว่างเล็บกับผิวหนัง เพื่อไม่ให้เล็บนั้นทิ่มเข้าไปในเนื้อจนเกิดแผล แต่ถ้าหากเกิดการบวมและมีหนองมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการเจาะระบายหนองออก
  • ดูแลเล็บไม่ให้แห้งเกินไป เพราะจะทำให้เล็บเปราะและแตกง่าย ก่อนนอนจึงควรแช่มือลงในน้ำอุ่นสัก 10-15 นาที ซับน้ำให้แห้งหมาด ๆ แล้วทาครีมให้ความชุ่มชื้นที่มือและเล็บ

ที่มา http://sakid.com/2011/08/19/30333/

eatting


สุขภาพจะดีได้ ถ้าเราเลือกกิน เลือกแต่สิ่งดีๆให้ร่างกาย
  1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยกินอาหารให้หลากหลาย และกินให้สัมพันธ์กับน้ำหนักตัว ดังนั้นอย่าลืมชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อจะได้ทราบว่าเราควรจะกินอาหารให้มากขึ้นหรือว่าน้อยลง
  2. กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้ง คือควรกินข้าวอย่างสม่ำเสมอ และควรกินข้าวซ้อมมือที่มีวิตามิน แร่ธาตุมากกว่า และควรกินสลับกับอาหารประเภทแป้ง เช่น ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน เป็นบางมื้อ เพราะอาหารประเภทแป้งมีใยอาหารน้อยกว่าข้าว
  3. ควรกินพืชผักและผลไม้เป็นประจำ เพราะในพืชผักผลไม้นั้นมีสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร และยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่แก่เกินวัย
  4. กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ เพราะเป็นอาหารที่มีโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไป
  5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย นมเป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และแร่ธาตุต่างๆ เหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับคนทุกวัย แต่ควรดื่มให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะคือ เด็กควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1 แก้ว
  6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร ควบคุมปริมาณให้พอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย
  7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด เพราะอาหารประเภทนี้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอ้วนและโรคความดันโลหิตสูง
  8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อนที่อาจเป็นเชื้อโรค พยาธิ และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ และหากรับประทานอาหารที่เป็นอาหารสำเร็จรูป ควรอ่านฉลากให้ครบถ้วน ทั้งวันผลิตและวันหมดอายุ และควรล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง
  9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะหากดื่มมากเกินไปจะมีผลทำให้ระบบสมองและประสาททำงานช้าลง ทำให้ขาดสติอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และยังก่อให้เกิดโรคตับแข็ง และการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิดได้ด้วย

ที่มา http://sakid.com/2012/06/20/31649/

Are you sleeping?


ผลจากการอดนอน อดนอนมากๆมีแต่ผลเสีย
  1. นอนไม่พอทำให้อายุสั้น : มีงานวิจัยที่เก็บข้อมูลการนอนและดูข้อมูลไปเรื่อยๆว่าคนๆนั้นมีชีวิตต่อไปอย่างไร พบว่าการนอนที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 7ชั่วโมง โดยมีแนวโน้มว่า ถ้านอนมากกว่า 9ชั่วโมงหรือน้อยกว่า5ชั่วโมง อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับอายุที่สั้นลง ซึ่งก็น่าคิดครับ เพราะคนที่นอนมากกว่าปกติส่วนหนึ่งมักเป็นคนที่การนอนไม่มีคุณภาพหลับไม่สนิท ซึ่งตอนตื่นก็มักจะไม่แจ่มใสหรือง่วง ส่วนคนที่นอนน้อย ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือใช้ยาช่วยนอนหลับได้มาก ตัวอย่างที่เห็นชัดๆก็ยกตัวอย่างแพทย์ไทยครับ มีงานวิจัยที่ออกมาเมื่อ3-4ปีก่อน พบว่า แพทย์ไทยมีอายุขัยที่สั้นกว่าคนปกติธรรมดาทั่วไปทั้งที่การสูบบุหรี่กินเหล้าน้อยกว่าคือมีอายุขัยเฉลี่ยที่ 55 ปี คาดกันว่าอายุที่สั้นลง เป็นเพราะเวลาที่อดนอนร่างกายจะสร้างฮอร์โมนที่มากระตุ้นการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันสูงและโรคหัวใจมากขึ้น
  2. การนอนไม่พอเสี่ยงพอๆกับกินเหล้า ชั่วโมงสุดท้ายในรั้วโรงพยาบาลก่อนที่จะเรียนจบ อาจารย์ได้ให้โอวาทกับผมและเพื่อนๆเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและการทำงาน นอกเหนือไปจากเรื่องวิชาการและจรรยาบรรณ อาจารย์ได้เน้นให้ระวังเรื่องการขับรถ เพราะทุกๆปีจะมีแพทย์จบใหม่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเสมอๆ การนอนไม่พอมากๆในคราวเดียว อาจจะเกิดอาการวูบหรือที่เรียกกันว่าหลับในได้ ซึ่งอาการแบบนี้ผู้ที่ขับขี่ทุกคนพอจะป้องกันได้และไม่เป็นปัญหา … เพราะถ้าง่วงก็แค่จอดรถแล้วก็งีบสักหน่อย แต่อันตรายจะเกิดขึ้นกับคนที่อดนอนอย่างเรื้อรังครับ โดยมีงานวิจัยที่ออกมาระบุว่า การอดนอนหรือการทำงานที่ติดต่อกันโดยไม่พักเป็นเวลานานเกินไปจะทำให้การตัดสินใจแย่ลง พอๆกับการดื่มสุรา
  3. นอนไม่พอ ทำให้อารมณ์เสียได้ง่ายขึ้น จริงๆคงจะสังเกตเห็นกันอยู่แล้วว่านอนไม่พอก็เกิดอารมณ์เสียได้ ใครมาทำอะไรกวนใจเล็กน้อยก็อาจจะทะเลาะกันได้ง่ายๆ … ซึ่งในส่วนนี้จะเด่นชัดขึ้นหากการนอนไม่พอนั้นเป็นต่อเนื่องเรื้อรัง
  4. นอนไม่พอทำให้ตัวเตี้ย เบาหวาน ฯลฯ ระบบการทำงานและเผาผลาญในร่างกายมนุษย์ส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยต่อมใต้สมอง ส่วนการอดนอนก็เป็นภาวะที่ร่างกายถือว่าไม่ใช่ภาวะปกติหากแต่เป็นภาวะคับขันแบบหนึ่ง … หากเราอดนอน ร่างกายก็จะปรับฮอร์โมนให้อยู่ในสภาวะคับขันและลดการผลิตฮอร์โมน”ปกติ”ลง ผลที่ตามมาคือ ความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานมากขึ้น เพราะระบบการเผาผลาญน้ำตาลผิดปกติไป ฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยช้ากว่าคนปกติ- เสี่ยงที่จะตัวไม่สูง เพราะฮอร์โมนที่ช่วยเพิ่มความสูงซึ่งผลิตออกมาเวลากลางคืนก็จะถูกหยุดการผลิตไป ดังนั้นในเด็กที่อดนอนบ่อยๆ จะพบว่าตัวเตี้ยครับ และที่น่าเสียดายคือพอโตขึ้นแล้วอยากจะสูงก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเนื่องจากกระดูกหยุดโตเสียแล้ว
  5. นอนไม่พอ ทำให้การตัดสินใจแย่ลง ถ้าลองสังเกตการชุมนุมประท้วงแล้วเกิดเรื่องขึ้น มักจะเกิดเรื่องรุนแรงขึ้นหลังจากประท้วงติดต่อกันเป็นเวลานานหรือเกิดในช่วงที่ยุติการชุมนุม … ซึ่งนอกจากจะเกิดจากความเมื่อยล้าทางร่างกายแล้ว ยังพบว่าการอดนอนจะทำให้การนึกคิดตัดสินใจของเราแย่ลงไปเมื่อเทียบกับเมื่อไม่ได้อดนอน ทั้งนี้การตัดสินใจจะแย่ลงเพียงใดก็ขึ้นกับสภาพจิตใจพื้นฐานของแต่ละบุคคล
ที่มา http://sakid.com/2012/06/14/31605/

10 อันดับถนนที่อันตรายที่สุด

10..North Yungas Road, ประเทศโบลิเวีย


ตำแหน่งที่ตั้ง: ระหว่างเมืองLa Paz และ Coroico
ความอันตราย: สุดยอดเส้นทางอันตรายจนมีชื่อเรียกขานว่า“ถนนแห่งความตาย” ถนนสุดแคบเส้นนี้วิ่งไปตามภูเขา 40 ลูก และบางจุดแคบเพียง 10 ฟุต รถยนต์แทบสวนกันไม่ได้ ด้านล่างเป็นป่าที่อยู่ลึกลงไป 1,000 ฟุตที่กลืนกินชีวิตนักขับมาแล้วหลายราย

9..Guoliang Tunnel Road,.ประเทศจีน
ตำแหน่งที่ตั้ง: ภูเขาTaihang ในประเทศจีน
ความอันตราย:ถนนที่มีชื่อแปลว่า “ไม่อดทนกับความผิดพลาด” ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1972 โดยชาวบ้านที่อาศัยในเขตภูเขา Taihang แสนไกลปืนเที่ยง ได้ช่วยกันขุดอุโมงค์ผ่านภูเขาเป็นระยะ 3/4 ไมล์เพื่อเป็นทางออกมาสู่โลกภายนอก ปัจจุบันเส้นทางนี้กว้าง 12 ฟุต หรือประมาณ 3 เมตรครึ่ง ทางโค้งในอุโมงค์กว่า 30 แห่งจะมีช่องเปิดให้เห็นวิวหน้าผาและหุบเหวลึกสุดอันตรายด้านล่างให้นักขับหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเล่น
8. Halsema.Highway, ประเทศฟิลิปปินส์
ตำแหน่งที่ตั้ง: ภูเขาบนเกาะLuzon
ความอันตราย: ความน่าสะพรึงกลัวของนักขับบนถนนเส้นนี้ ดินถล่มสุดโหด หินก้อนใหญ่ ๆ และซากหินที่ตกลงมาจากข้างบนเขาพร้อมจะคร่าชีวิตนักขับดวงซวยทุกคน แถมด้วยหมอกหนาที่ปกคลุมถนนเส้นนี้ทั้งปี ทำให้ทัศนวิสัยย่ำแย่สุดขีด เส้นทางนี้วิ่งวกวนผ่านเขาCordillera Central ขนาดมหึมาในเขตเกาะLuzon และยังมีอีกหลายพื้นที่ของเส้นทางที่ยังไม่มีการปูพื้นถนน
.
7. Karakoram.Highway,.ระหว่างประเทศปากีสถานและจีน
ตำแหน่งที่ตั้ง: เขตภูเขาKarakoram ในปากีสถาน
ความอันตราย: หนึ่งในถนนที่สูงที่สุดบนโลก วิ่งลัดเลี้ยวเคี้ยวคดไปตามภูเขาสูง16,000 ฟุตจากปากีสถานไปถึงจีน นี่คือเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเพื่อขับรถไปชมวิวภูเขาK2 ภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เส้นทางจากจุดที่อยู่ที่สูงที่สุดจากถนนสายนี้ จะทำให้นักขับรถทรมานจากสภาพอากาศเบาบางเป็นระยะทางกว่า 800 ไมล์ ซึ่งแคบลงตามแม่น้ำและข้ามพื้นที่สุดแห้งแล้ง ก่อนจะปีนขึ้นไปตามทางที่คดเคี้ยวไม่มีที่สิ้นสุดของ Karakoram

6. Kolyma.Highway, ระหว่างประเทศรัสเซียและไซบีเรีย
ตำแหน่งที่ตั้ง: รัสเซียตะวันออกไกลและไซบีเรีย
ความอันตราย: เส้นทางยาว 1,200 ไมล์ซึ่งมีชื่อเล่นว่า ”เส้นทางสายโครงกระดูก” ถูกสร้างในยุคของท่านผู้นำสตาลิน ซึ่งชื่อนี้มีที่มาจากผู้ที่ถูกกักกันในค่ายแรงงานและผู้ที่เสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างที่ถูกฝังไว้ข้างใต้หรือใกล้ ๆ พื้นถนน ถนนเส้นนี้ตัดผ่านบริเวณที่หนาวที่สุดในโลก ในหน้าหนาวจะเป็นการขับรถบนน้ำแข็งบนแม่น้ำที่แข็งตัวแทนการใช้เรือ ซึ่งเป็นเส้นทางการขับที่อันตรายสุดขีด เนื่องจากไม่สามารถทราบได้ว่าจุดไหนที่น้ำแข็งจะแตกหักบ้าง

5. Canning.Stock Route,.ประเทศออสเตรเลีย




ตำแหน่งที่ตั้ง:ทะเลทรายบริเวณออสเตรเลียตะวันออก
ความอันตราย: เส้นทางยาวกว่า 1,100 ไมล์ ผ่านทะเลทรายอันกว้างใหญ่ มีการขุดบ่อน้ำมากกว่าเกือบร้อยบ่อตลอดเส้นทาง ปัจจุบันรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่เดินทางไปด้วยกันสามารถขับผ่านความอ้างว้างนี้ได้ด้วยการช่วยเติมเชื้อเพลิง ทะเลทรายกว้างใหญ่ที่ดูไม่มีจุดสิ้นสุดและแสงแดดที่แผดเผาในการเดินทางข้ามผ่าน ทำให้เส้นทางนี้หฤโหดถึงขีดสุด

4..Graciosa Trail, ประเทศบราซิล

ตำแหน่งที่ตั้ง: ภูเขาเหนือเมือง Morretes
ความอันตราย: ถนนเส้นนี้เป็นทางเก่าแก่ที่ตัดผ่านป่าฝนและถูกปกคลุมหนาทึบไปด้วยมอส ด้วยสภาพเส้นทางที่ทำจากหินกรวดตลอดเส้นทาง ให้พื้นถนนลื่นและอันตรายมาก โดยเฉพาะบริเวณทางเลี้ยว นอกจากนี้ยังมีต้นไฮเดนเยียขึ้นตามทางทำให้ทางเขียวชอุ่มด้วยดอกไม้สีฟ้า ดูสดชื่นหลอกล่อให้นักขับหลงชมธรรมชาติจนลืมไปว่าถนนเส้นนี้อันตรายถึงชีวิต

3..Trans-Sahara Highway, ทวีปแอฟริกา


ตำแหน่งที่ตั้ง: จากแอลจีเรียถึงไนจีเรีย
ความอันตราย: เส้นทางลาดยางท่ามกลางทะเลทรายเป็นระยะทางยาวกว่า 2,800 ไมล์ วิ่งข้ามผ่าน 3 ประเทศ ได้แก่ แอลจีเรีย ไนเจอร์ และไนจีเรีย เป็นเส้นทางผ่านทะเลทรายซาฮาร่า ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดบนโลก เชื้อเพลิงและน้ำไม่สามารถหาได้มากนักตลอดเส้นทางสุดโหด และพายุทรายที่บางปีก็พัดทรายกองมหึมาและถมลงบนถนน ทำให้การจราจรเป็นอัมพาตหลายวันติดต่อกัน

2..The.Stilwell Road, ระหว่างประเทศอินเดียและพม่า


ตำแหน่งที่ตั้ง: ทางในป่าอินเดียไปถึงพม่า
ความอันตราย: ถูกสร้างขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองโดยการแลกมาด้วยชีวิตนับพัน Stilwell Road (The Ledo Road) วิ่งป่ายภูเขา คดเคี้ยวไปในป่า และผ่านแม่น้ำกว่า 100 สาย ที่ไหลผ่านถนนความยาว 1,079 ไมล์ ปัจจุบันถนนเส้นนี้ถูกป่าปกคลุมรกชัฎ มีการใช้น้อยและพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้

1..Wilderness Road.to Selva.Blue Lodge,.ประเทศโบลิเวีย


ตำแหน่งที่ตั้ง: ระหว่าง Santa Ana และ the Selva Blue wilderness lodge
ความอันตราย: เส้นทาง 100 ไมล์บนป่าเขาอันวกวน เป็นทางกรวดกว้าง 20 ฟุต ที่แคบลงเพราะหญ้าที่ขึ้นปกคลุมสองข้าง และสะพานไม้เหนือแม่น้ำสายย่อยจากอเมซอน คาราวานมอเตอร์ไซค์ได้เลือกเส้นทางที่มักถูกน้ำท่วมนี้ไปยังลุ่มน้ำอเมซอนทางเหนือของโบลิเวียในปี 2002 ด้วยความโหดระดับตำนานของเส้นทางนี้ ทำให้โบลิเวียได้ตำแหน่งประเทศที่มีถนนสุดอันตรายที่สุดในโลกไปครอบครองอย่างไม่น่าภูมิใจนัก
 ที่มา
http://travel.mthai.com/world-travel/5486.html







10 อันดับสุนัขนิยมเลี้ยง


10. ชิ วา วา (พันธุ์ขนเรียบ - Chihuahua smooth coat)


          สุนัขในกลุ่ม Toy Group ยังคงครองอันดับ 10 อย่างอยู่ตัว ตั้งแต่ ปี 2545 เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนาดพกพา ตาโต ถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก อดีตเป็นสัตว์ที่เป็นอาหารและถูกบูชายัญ มีสองสายพันธุ์ คือ พันธุ์ขนเรียบ และพันธุ์ขนยาว ชิ วา วา มีความสูงไม่เกิน 5 นิ้ว มีน้ำหนักเฉลี่ย 0.9 - 2.7 กิโลกรัม จัดว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลก มีทั้งสีขาว สีน้ำตาลอ่อน สีทราย สีดำ อาจมีสีเดียวอย่างแดงน้ำตาล ทอง หรือสลับขาวน้ำตาล หัว หน้าผากต้องกลมโค้งเป็นรูปแอปเปิล หูตั้ง ปากสั้นแหลม ขนสั้น ถ้าเป็นพันธุ์ขนยาวจะไม่หยิกม้วน สุนัขพันธุ์นี้หลายคนต่างหลงใหล เพราะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ ขี้ประจบ เป็นสุนัขเฝ้าระวัง เตือนภัยได้ดี เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่ไม่ชอบอากาศเย็น ราคาจำหน่าย ทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,000 - 10,000 บาท ระดับประกวด ราคา 10,000 บาท ขึ้นไป

9. บีเกิ้ล (Beagle)


          สุนัขในกลุ่ม Hound Group สุนัขล่ากระต่ายในอดีต มีหูที่ยาวปรกลง มีทั้งพันธุ์ธรรมดา มีความสูงประมาณ 13 - 15 นิ้ว หนัก 18 - 20 ปอนด์ และพันธุ์อลิซาเบธ บีเกิ้ล (Elisabeth beagle) มีความสูงไม่เกิน 12 นิ้ว มีน้ำหนักไม่เกิน 20 ปอนด์ บีเกิ้ล มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขรักสันติ รักเด็ก ไม่เพียงเป็นสุนัขล่าสัตว์อย่างกระต่ายในอดีต ในหลายร้อยปีก่อนบีเกิ้ลยังถูกนายพรานควบคุมเป็นฝูง เพื่อนำไปล่าหมาป่า กวาง แต่ในระยะหลังใช้บีเกิ้ลเป็นสุนัขคาบนกที่เจ้าของล่าได้ เนื่องจากบีเกิ้ลสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขดมกลิ่น ประสาทในการรับกลิ่นดีเยี่ยม แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ คงไม่ดีแน่หากหวังจะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความเป็นสุนัขสังคม ไม่ชอบยึดอยู่กับสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว อาจทำให้บีเกิ้ลหงุดหงิดได้ง่าย บีเกิ้ลจึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้เพื่อสร้างมิตรภาพกับบุลคลในครอบครัวมากกว่า ลักษณะทั่วไปของบีเกิ้ล มักมีขนสามสีบนตัว คือ สีขาว สีดำ และน้ำตาล สีที่อกโดยมากเป็นสีขาว ส่วนสีดำกับสีน้ำตาลนั้นจะอยู่บนลำตัว และแผ่นหลังด้านใต้ท้องก็จะเป็นสีขาวเช่นกัน หน้าผากจะตั้งชัดเจน ใบหูยาวปรกลง ขนสั้นตรง หางยาวปานกลาง ค่อนข้างตรงชี้ขึ้น ขนาดกะทัดรัด รูปร่างแข็งแรง ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น ประมาณ 10,000 - 15,000 บาท

8. ยอร์กไชร์เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier)


          สุนัขในกลุ่ม Toy Group สุนัข ตัวน้อย ขนยาว เส้นบาง มันวาวสลวย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ถือว่าเป็นสุนัขสวยงามมาก เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตชีวา รักเจ้าของ ขี้ประจบ สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตสังคมเล็กๆ เช่น ในอพาร์ทเมนท์ได้ดี ลักษณะทั่วไป มี 2 สีบนตัว สีน้ำตาลทองจะมีอยู่บนใบหน้า อก ท้อง และบริเวณปลายเท้า เส้นขนจะมีสีดำน้ำเงินที่โคนไล่ลงมาถึงตอนกลาง และจะมีสีน้ำตาลทองที่ส่วนปลายหัว ขนข้างจะมีขนาดเล็ก และเรียบไม่นูนกลม ปากแหลมยาวสมส่วน จมูกจะมีสีดำสนิท หูตั้งเป็นรูปตัววี มีขนสั้นๆ สีทองปกคลุม ขนยาวตรงปกคลุมทั้งตัว เท้าค่อนข้างกลมมีเล็บเท้าสีดำ ขาหน้าจะเหยียดตรง ขาหลังมองจากด้านข้างจะโค้งลงที่เข่าเล็กน้อย หางตัดสั้น สุนัขพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องดูแลเรื่องขนเป็นพิเศษ เป็นสุนัขที่ให้ลูกยาก ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000 - 20,000 บาท มากกว่านั้นเป็นสุนัขในระดับประกวด

7. บูลล์ด็อก (Bulldog)


          สุนัขในกลุ่ม Non - Sporting Group เห็น รูปร่างตันๆ กำยำ ดูแข็งแรงอย่างนี้ แต่เป็นที่โปรดปรานของผู้เลี้ยงสุนัขพอสมควร มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกรีก ในอดีตเป็นสุนัขที่ใช้ต่อสู้กับวัว ซึ่งถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในสมัยนั้น แต่ต่อมากีฬาสู้วัวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีเลือดนักสู้ลดลง จนกลายเป็นสุนัขที่กล้าหาญแต่วางใจได้ ไม่ดุร้ายเหมือนรูปร่าง บูลล์ด็อก มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม สูงเต็มที่เพียงฟุตเศษ ลักษณะเด่นคือ หัวกลม มีปากและบริเวณใบหน้าย่น ห้อย ขนเกรียนสั้นตรงและเรียบ นิ้วเท้าเวลายืนเหมือนยกขึ้น ขาหน้าตรง เวลายืนแล้วจะกางออกเล็กน้อย หางสั้น โดยมากจะเป็นสีเดียวทั้งตัว แต่มีสีดำที่ใบหน้า ปาก หน้าอก แต่ตอนนี้นิยมสีน้ำตาลลูกวัว ผู้เลี้ยงอาจต้องทำใจไว้ด้วยว่า ตัดสินใจเลี้ยงสุนัขที่นอนกรน และต้องระวังเรื่องอากาศร้อนเป็นพิเศษ ราคาจำหน่ายระดับสุนัขเลี้ยงทั่วไป เริ่มต้นที่ 10,000 บาท หากเป็นบูลล์ด็อกระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

6. ร็อตต์ไวเลอร์ (Rottweller)


          สุนัขในกลุ่ม Working Group สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี มีสีดำ มีแต้มด่างสีน้ำตาลเด่นชัด บริเวณขอบตา ปาก หน้าอก ขาท่อนล่าง และใต้ฐานของหาง ขนสั้น เป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน ดูสมส่วน ใบหูปรก นิยมตัดหางให้สั้น สุนัขพันธุ์ร็อตต์ไวเลอร์ ที่ตกเป็นข่าวบ่อยครั้งด้วยความดุร้าย ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่มาจากสัญชาตญาณสัตว์ที่ต้องเอาตัวรอดตั้งแต่อดีต มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฐานะสุนัขนักล่าและสุนัขเฝ้ายาม แต่ร็อตต์ไวเลอร์ในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์จนได้ชื่อว่า เป็นสุนัขที่มีความฉลาด ชอบการสัมผัสอย่างทะนุถนอม และสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว หากได้รับการฝึกฝนที่ดี จะเป็นสุนัขที่เชื่อฟังคำสั่ง ใจเย็น เป็นทั้งเพื่อนและยามที่ดีของครอบครัว ด้วยลักษณะภายนอก ความแข็งแรง ความฉลาดของสุนัขพันธุ์นี้ เหมาะสำหรับผู้เลี้ยงปศุสัตว์ เพราะมีพื้นที่ให้สุนัขออกกำลังกายได้มากกว่า แต่ก่อนเลือกซื้อ ผู้เลี้ยงควรตัดสินใจให้รอบคอบก่อนว่าเหมาะกับตนหรือไม่ ศึกษาสายพันธุ์ที่ดี เพราะอาจกลายเป็นสุนัขที่ก้าวร้าวเกินควบคุม ราคาจำหน่ายลูกสุนัข ระดับประกวด 10,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 4,000-10,000 บาท

5. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)


          จัดอยู่ในกลุ่ม Working Group สุนัขลากเลื่อนที่มีท่วงท่าสง่างาม มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียตอนเหนือ มีความอดทนแข็งแรงดีเลิศ อดีตเป็นสุนัขใช้งานลากเลื่อนในเมืองหนาว นับเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง ใจดี ไม่ก้าวร้าว ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้น สีพื้นเป็นสีน้ำตาล ดำ เทา แต่ใบหน้าต้องมีสีขาวเท่านั้น ขอบตาเป็นสีดำ ขนสั้นตรงฟู แน่น หัวมีขนาดปานกลาง ดูสมส่วนกับขนาดลำตัว ใบหูตั้งตรง รูปตาเรียว หางฟูพอง มักจะโค้งเป็นพวงขึ้นบนหลังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ต้องการออกกำลังกายเป็นหลัก จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีความอดทนสูงมาก ทำงานได้ดังหุ่นยนต์ รักเจ้านาย ครอบครัว หรือแม้แต่สุนัขด้วยกันเอง สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับสภาพอากาศ วิ่งเร็วมาก สามารถเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่มักทำตัวเป็นจ่าฝูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงที่มีความกระฉับกระเฉง ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000-15,000 บาท ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

4. ปั๊ก (Pug)

          จัดอยู่ในกลุ่ม Toy Group สุนัขพันธุ์ตัวเล็กหน้าย่น มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน มีประวัติยาวนานกว่า 2,500 ปี เป็นสุนัขที่นิยมมากของชาวพุทธในสมัยโบราณ ด้วยมีความเชื่อที่ว่า ปั๊ก เป็นสัตว์เลี้ยงมงคล เพราะลักษณะรอยย่นของใบหน้ามีความหมายตามความเชื่อที่ดี เป็นสิริมงคลต่อผู้เลี้ยง ปัจจุบันเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก ปั๊ก เป็นสุนัขรักเด็ก ร่าเริง กระตือรือร้น มีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม สูงไม่เกินฟุต มีลักษณะใบหน้าสีดำเหมือนใส่หน้ากาก ขนสั้นละเอียดนุ่ม ลำตัวมีกล้ามเนื้อ ลักษณะทั่วไป กลม ใหญ่ จมูกสั้น ปากสั้น กระหม่อมไม่โค้ง มีรอยย่นที่หัว ปาก แก้มนิ่ม เท้ากลม ฝ่าเท้าแผ่ มีกล้ามเนื้อที่ขาทั้ง 4 ชัดเจน หางม้วนเป็นเกลียวอยู่บนแผ่นหลังตรงสะโพก แต่สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวังคือไม่ให้อ้วนจนเกินไป อีกทั้งต้องดูแลเรื่องอากาศ เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีโพรงจมูกสั้น อาจมีปัญหาเรื่องการหายใจ ราคาจำหน่ายทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,500 บาท ระดับประกวด 12,000 บาท ขึ้นไป

3. ชิ สุ (Shih Tsu)


          สุนัขในกลุ่ม Toy Group ชิ สุ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ได้ชื่อว่า "สุนัขพันธุ์ราชสีห์" เพราะมีขนแผงคอเหมือนสิงโต อีกทั้งท่าทางการเดินหรือเคลื่อนไหวที่สง่างาม เดินตรงเชิดหน้าคอเหยียดและมีพวงหางขนยาวจะปกคลุมลงบนหลังชัดเจน ในอดีตจึงเป็นสุนัขที่เลี้ยงกันในราชสำนักของจักรพรรดิ นับเป็นสิ่งสูงค่าสำหรับสามัญชน เป็นสุนัขที่มีชนชั้น ชิ สุ เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักไม่เกิน 18 ปอนด์ สูงประมาณ 9 - 10.5 นิ้ว รูปร่างเล็กแต่มีขนยาว เป็นขนสองชั้น หนา ยาวตรงหรือเป็นคลื่นเล็กน้อยปกคลุมลำตัว ขนบนหัวควรผูกรวบให้เรียบร้อย ป้องกันดวงตา ขนที่ก้นและเท้าต้องตัดให้เรียบร้อยเช่นกันเพื่อความสะอาด สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนทุกวัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาในการแปรงขนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ลักษณะของชิสุ ที่ดี ควรมีลักษณะขนยาว ไม่ม้วนหยิก สีของขนเป็นสีผสมกันของสีดำ น้ำตาล ขาว มีสีขาวเป็นสีพื้น ส่วนกะโหลกกว้างอย่างสมดุล ตากลมโต นัยน์ตาสีดำ หรือจะเป็นสีน้ำตาลสีตับ แววตาร่าเริงแจ่มใสและเป็นมิตรต่อทุกสิ่ง ส่วนปากสั้นยาวไม่เกิน 1 นิ้ว และไม่มีรอยย่นของผิวหนังรอบปาก ปากไม่แหลม คางไม่ยื่น คอควรตั้งตรงยาวได้สัดส่วนกับลำตัว ลักษณะลำตัวของ ชิ สุ ต้องมีความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย อกใหญ่ ลึก หางจะต้องโค้งตั้งขึ้นมาบนหลัง ไม่ห้อยลง มีขนขึ้นเป็นพวงสวยงาม แม้ ชิ สุ จะเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่ก็ได้ชื่อว่า "เล็กแต่อึด" หากมีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์ที่มีความทรหดอดทนสูง มีความแข็งแรงดุจสุนัขใช้งาน แต่ข้อดีของสุนัขพันธุ์ ชิ สุ ที่สร้างเสน่ห์อย่างดีก็คือ ฉลาด เป็นมิตร มีเสน่ห์ ไม่ดุร้าย ไม่เจ้าอารมณ์ เหมาะสมกับบ้านทุกชนิด จากสิถิติที่ผ่านมา ชิ สุ เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุอาจเพราะปัจจุบันผู้นิยมเลี้ยงสุนัข มีที่อยู่อาศัยที่เล็กลง ส่งผลให้สุนัขพันธุ์เล็กเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปด้วย และด้วยการขยายพันธุ์ที่ง่ายกว่า ชิ สุ จึงมาแรงแซงสุนัขพันธุ์เล็กพันธุ์อื่น รวมถึงลักษณะขนและหน้าตาสร้างความเพลิดเพลินในการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบแต่งตัวให้สุนัข แต่คงไม่เหมาะนักสำหรับเจ้าของที่ไม่มีเวลา ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 3,500 - 15,000 บาท ทั่วไปเริ่มต้นที่ 2,500 บาท

2. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)


          สุนัขในกลุ่ม Sporting Group โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มามากกว่า 200 ปี ในอเมริกา เป็นสุนัขขนาดกลาง ตัวผู้สูงราว 23 - 24 นิ้ว หนักประมาณ 64 - 70 ปอนด์ ตัวเมีย สูง 21- 23 นิ้ว น้ำหนัก 60 - 70 ปอนด์ มีสีหลายระดับสี มักจะเป็นสีออกครีมถึงสีเหลืองทอง จนถึงกึ่งเข้มแดงมะฮอกกานี เป็นสุนัขที่มีลักษณะหัวกว้าง และมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมาด้านข้าง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณหางจะยาวและหนา นอกจาก ความสวยของขนที่มันวาว สวยงาม ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมาก โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ยังได้รับสมญานามว่า "หมาใจดี" บ่อยครั้งที่ภาพความผูกพันระหว่างเจ้าตูบโกลเด้นกับเด็กๆ มักมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะมีลักษณะนิสัยเป็นมิตร และสุภาพเป็นเลิศ ใจดี ซื่อสัตย์ มีความสามารถพิเศษในการจดจำ ง่ายต่อการฝึกฝน กระฉับกระเฉง และคาบสิ่งของได้ดี ในอดีตจึงมักใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ โกลเด้น รีทรี ฟเวอร์ เคยเป็นสุนัขยอดนิยม มีผู้เข้าขอจดทะเบียนมากเป็นอันดับ 1 ในปีก่อน แต่ปีล่าสุดนี้ กลับถูกสุนัขพันธุ์เล็กแซงหน้าไปเสียแล้ว ราคาจำหน่ายปัจจุบัน สุนัขระดับประกวด ประมาณ 15,000 บาท ขึ้นไป สุนัขเลี้ยงเล่น 6,000 - 15,000 บาท ระดับทั่วไป หรือสุนัขบ้าน เริ่มต้นที่ 3,000 บาท



          สุนัขในกลุ่ม Toy Group ปอมเมอเรเนี่ยน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีก่อน ด้วยความเล็กกะทัดรัด ขนฟูดูสวยงาม ใบหน้าแหลมเล็ก หลายคนหลงใหลในความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้ ลักษณะโดยทั่วไป มีความสูงโดยเฉลี่ยไม่เกินฟุต หรือประมาณ 20 เซนติเมตร หัวกลม ใบหน้ามีส่วนคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากเรียวแหลม ส่วนหัวและใบหน้ามีขนสั้น ตากลมโตและโปนเล็กน้อย หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งตรงและชิดกัน จมูกดำกลม ขนยาวฟูฟ่องทั่วลำตัว ขนสีดำ โกโก้ แดง ส้ม ขาว เหลือง บางตัวมีหลายสีปนกัน ขนทั้งตัวจะปกคลุมด้วยขนยาว ดก ฝ่าเท้านิ่ม ขนหางเป็นพวงโค้งเป็นวงกลมออกด้านข้าง นอกจากความเล็กน่ารักแล้ว ความฉลาด ซื่อตรงและร่าเริง ปฏิภาณไหวพริบดี และขี้ประจบของปอมเมอเรเนี่ยน ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าของต่างหลงใหล แต่ขณะเดียวกันความเล็กของสุนัขพันธุ์นี้จึงมักมีผลต่อการขยายพันธุ์ที่ค่อนข้างลำบาก ให้ลูกน้อย ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่น 8,000 - 20,000 บาท ระดับประกวด 20,000 บาท ขึ้นไป
ที่มา
http://www.komchadluek.net/detail/20121025/143169/10%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94.html#.USCfJx1UHHk